Pages

Sunday, October 12, 2025

Fashion in the Future จาก RE.UNIQLO สู่แฟชั่นในอนาคต





เมื่อเรามองไปข้างหน้า  คิดถึงชีวิตในอีกสักห้าปีต่อไป   

 

ฉันเป็นแฟนคลับวารสารรายสามเดือนของแบรนด์ยูนิโคล่ ที่จริงไม่ได้สนใจเรื่องของเสื้อผ้าที่อยู่ในเล่มเท่าไหร่  ปรกติจะซื้อ ก็พวกแอสเซสเซอร์รี่  ชุดนอน กางเกงใส่อยู่บ้าน และชั้นในจากแบรนด์นี้บ้าง  แต่ของเหล่านั้นก็เป็นสไตล์ที่รู้อยู่แล้ว ไปถึงร้านหยิบชิ้นไหนก็ได้  ถ้าเป็นประเภทเสื้อ กางเกง  มักจะเลือกไอเท็มสูท เบลเซอร์ หรือชิ้นของผู้ชายที่สำหรับเราแล้วสวมใส่ง่ายกว่า

 

มาพูดถึงวารสารของยูนิโคล่  ที่เรียกได้ว่าเห็นแล้วต้องรี่เข้าไปหยิบ ( ฟรี ) มาจากร้าน  และยังอ่านซ้ำหลายครั้งจนคิดว่า คณะจัดทำต้องภูมิใจ  ที่อ่านซ้ำก็เพราะเราเองก็เป็นคนเขียนบล็อกได้มาอ่านคอลัมน์ในเล่ม  รู้สึกว่าสำนวนการเขียนดีทีเดียว  กระชับ  ภาษาดี ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป  และเขียนได้ไหลลื่น น่าอ่าน


หนึ่งเรื่องในวารสารที่น่าสนใจมาก และหลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า  ยูนิโคล่ทำโครงการนำเสื้อผ้าเก่ากลับมาขายใหม่  แต่ไม่ใช่การนำเสื้อมือสองมาแขวนขายเฉยๆ หรอก แต่จะนำไปผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  Garment Dyeing ซึ่ง Dyeing หมายถึงการย้อม ยูนิโคล่จะนำเสื้อผ้าซักทำความสะอาดและย้อมพวกมันใหม่ด้วยสีโทนธรรมชาติ ได้แก่ แดง เขียว น้ำเงินและเทา  และด้วยสีเดิมของเสื้อผ้าที่แตกต่างกันทำให้สีที่ได้หลังจากการย้อมใหม่ แตกต่างกันไป ส่วนเส้นด้ายที่ใช้เย็บตะเข็บเป็นชนิดกันสีซึม จึงให้รายละเอียดที่โดดเด่น  นอกจากนั้นในกระบวนการซักทำความสะอาด ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และย้อมสี  ยูนิโคล่ยังเลือกใช้วิธีที่ประหยัดน้ำด้วย


หลังจากผ่านการซักและการย้อมสี เสื้อผ้าเหล่านั้นยังคง  “เนื้อผ้านุ่ม ผิวสัมผัสปราณีต”  รายได้ส่วนหนึ่งของการขายเสื้อผ้ารีไซเคิลนี้  ยูนิโคล่นำไปบริจาคให้องค์กรส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนในชิบูย่า

 

อนาคต : ชีวิตในห้าปีข้างหน้า

ในโลกของแฟชั่นที่หมุนเร็วและเต็มไปด้วยการผลิตจำนวนมาก แนวคิดเรื่อง “ความใหม่” เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก   มันเป็นธรรมดาที่ใครๆ ก็อยากใส่คอลเลกชันล่าสุดจากรันเวย์  หรือสวมชุดใหม่ต้อนรับฤดูกาลใหม่แทนของเก่า  แต่ขณะเดียวกัน อีกกระแสหนึ่งก็น่าสนใจ—กระแสของ “การออกแบบของใหม่จากของเก่า


เมื่อเสื้อผ้า ไม่ใช่เพียงเครื่องนุ่งห่ม

ความงามของเสื้อยูนิโคล่ที่ผ่านการรีไซเคิล ไม่ได้อยู่ที่ลวดลายหวือหวา แต่มาจากแนวคิด  คัตติ้งแบบไม่มีส่วนเกิน ผิวสัมผัสที่แสดงถึงธรรมชาติของเนื้อผ้า และเฉดสีที่ไม่ได้พยายามจะโดดเด่น นี่คือแฟชั่นที่ไม่ต้องการเป็นจุดศูนย์กลางของสายตา  แต่มอบพื้นที่ให้ “ผู้สวมใส่” ได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่


RE.UNIQLO คือจุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่การย้อนกลับ


คำว่า “RE.” ที่ขึ้นต้นโครงการนี้ ไม่ได้แปลว่าการย้อนอดีต แต่คือการ “เริ่มต้นใหม่” ของการผลิตเสื้อผ้าที่เราออกแบบอนาคตด้วยสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันได้

ไม่ใช่เพียงยูนิโคล่ที่มีความคิดแบบนี้  หลายแบรนด์ก็เริ่มนำแนวคิดเดียวกันมาใช้ ทั้งการนำเสื้อเก่ามาย้อมใหม่ การใช้เศษผ้ามาเย็บเป็นลายพิเศษ หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีในการออกแบบเสื้อผ้าจากของเหลือในอุตสาหกรรม  คำถามง่ายๆ ที่เราถามตัวเองได้ว่า  เราต้องซื้อ “ของใหม่” ทุกครั้งหรือไม่?   เสื้อผ้าที่เราสวมใส่อยู่ทุกวันนี้ ยังมีโอกาสให้ออกแบบใหม่ได้ไหม?  และเราควรจะมองเสื้อผ้าเก่าในตู้ โดยให้ความหมายมันแค่เป็นของที่เก่าแล้วแค่นั้นหรือ?


ซึ่งในโลกแฟชั่นยุคนี้ ความ  “ใหม่” มักหมายถึง “ยังไงก็ขายให้เร็วที่สุด” และนั่นคือที่มาของ ปัญหาการผลิตล้นโลก

●  ทุกปีมีเสื้อผ้าใหม่ 80–100 พันล้านชิ้น ถูกผลิตทั่วโลก
●  แต่เกือบ 40% ของเสื้อผ้าเหล่านั้นคือจำนวนที่เหลือค้างขายไม่หมด จึงกลายเป็นสินค้าที่ถูกเผา ถูกฝัง หรืออัปไซเคิลโดยฉับพลัน

รวมแล้วในแต่ละปี เสื้อผ้ากว่า 92 ล้านตัน ตกอยู่ในหลุมฝังกลบ และน้อยกว่า 1% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลกลับมาเป็นเสื้อผ้าใหม่

การรีไซเคิลเสื้อผ้าเก่า หรือเสื้อที่ถูกทิ้งจาก Fast Fashion  จึงเป็นแนวทางของแฟชั่นในอนาคตเพื่อลดขยะบนโลกนี้ และดูเข้ากันได้ดีกับกลิ่นไอแฟชั่นในแนวดิสโทเปียด้วย หลายแบรนด์ดังจับแนวคิดนี้มาสร้างสรรค์แฟชั่นสุดล้ำ  เช่น

1. Simon Cracker





แบรนด์อิตาลีที่ได้แสดงคอลเลกชั่นบนรันเวย์ ใน Milan Fashion Week โดยใช้เสื้อผ้าเก่า เต็มไปด้วย zipper ใหญ่  ปุ่ม  ขนาดที่ oversize และทรงของเสื้อผ้าออกแบบในสไตล์ dystopian  ที่สกายชอบคือเสื้อยืดที่มีป้ายติดบนอกเสื้อ


2. Duran Lantink
ดีไซเนอร์ชาวดัตช์  อัพไซเคิลเสื้อผ้าวินเทจให้เป็นลุคใหม่ที่มีเรื่องเล่า เช่น jackets กลายเป็น bodysuit งานออกแบบของแบรนด์นี้  ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวของความทรงจำบนเสื้อผ้า


3. Marine Serre




ใช้ deadstock ผ้าเก่า เช่น ผ้าลูกไม้ ผ้าปูโต๊ะ หรือผ้าเช็ดตัว นำมาเย็บรวมในแนวออกแบบที่สะท้อนแนวคิดเรื่องแฟชั่นในอนาคต Eco- Futurist เสื้อผ้าของแบรนด์นี้สวยงามด้วยสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยวที่เป็นสัญลักษณ์มาตั้งแต่เริ่มเดบิวต์


4. Christopher Raeburn (RÆBURN)




ใช้วัตถุดิบที่เหลือจากในอุตสาหกรรมแฟชั่นในการสร้างสรรค์  คอลเลกชั่นของ RÆBURN ที่โดดเด่นได้แก่ เสื้อกั๊ก แจ็กเก็ต ไอเทมเอ้าท์ดอร์  แบรนด์นี้เปลี่ยนลุกแบบทหารให้ออกมาเป็นแฟชั่น high-end



5. Looptworks

US brand เชี่ยวชาญด้าน upcycle ผ้าทิ้งจากโรงงาน ทำเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า ทำออกมาแต่ละรุ่นมี จำนวนจำกัด  เป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ในเรื่องแฟชั่นที่มีแนวคิด Sustainability ที่ตลาดตะวันตกยอมรับ 


แนวคิดด้านแฟชั่นในอนาคต  ในแบบแฟชั่นเพื่อความยั่งยืนยังมีแนวคิดอื่นๆ เช่น แบรนด์

Patagonia Worn Wear  ให้ลูกค้าสามารถนำเสื้อของแบรนด์ที่ซื้อไปแล้วมาแลกได้  แบรนด์ E.L.V. Denim นั้นตัดเย็บกางเกงยีนส์จากยีนส์เก่า กลายเป็นกางเกงรุ่นใหม่  แบรนด์ Suay Sew Shop นั้นมาจากธุรกิจหลักเป็นโรงงาน upcycle ใน LA รับผลิตสินค้าและหน้ากากจากผ้ารีไซเคิล


หากคุณสนใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนกระแสของแฟชั่นเพื่อความยั่งยืนแล้วล่ะก็  คุณอาจจะเริ่มจากการซ่อมแซมเสื้อผ้าประเภทคลาสสิกไอเทมเพื่อให้ใช้ได้นานๆ  ดี.ไอ.วาย.เสื้อผ้าของคุณเอง  นำเสื้อผ้าไปบริจาคในกล่องรับบริจากของยูนิโคล่  บางทีเสื้อของคุณอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของไอเทมใหม่ในซีซันถัดไป  แต่ไม่ว่าอย่างไหน ผลที่ได้ คือการทำให้เกิดของเสียน้อยลง🌅🌐🌈

# fashion # creativity economy # idea

Some Streets Never Have a Morning ( บางซอยไม่เคยเช้า )

From a public EIA participation meeting - shared here to discuss how design shapes sunlight  and daily life. มีโอกาสได้ไปประชุม  EIA (Enviro...